
สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงจะอยู่ในช่วงมรสุม หลังจากที่ทำผลงานในการแข่งขันที่ไม่ค่อยเข้าท่า จนชวดการลุ้นแชมป์ไปหลายถ้วย ล่าสุดก็มาพ่ายในศึกแห่งศักดิ์ศรีให้กับทีมเพื่อนร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกทั้งยังมีข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาภายในมากมายเล็ดลอดออกมาจากรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด และข่าวลือล่าสุดที่เล็ดลอดออกมา ก็คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าลูกหม้อวัย 24 ปี เด็กฝึกจากอะเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ก้าวขึ้นสู่ กองหน้าตัวจริงและเป็นดาวยิงของสโมสร ก็มีท่าทีไม่แน่นอนและอาจจะไม่เซ็นสัญญาต่อกับทางต้นสังกัด
โดยหลายฝ่ายมองว่าอาจจะเนื่องมาจาก ในช่วงหลังที่ แรชฟอร์ด หายจากการพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บที่ไหล่ในช่วงต้นฤดูกาล แต่เมื่อหายกลับมาเขาก็ไม่ค่อยได้ถูกเรียกใช้งานในฐานะนักเตะตัวจริงเท่าที่ควร โดยเขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับต้นสังกัดเพียงแค่ 2 นัด จาก 11 นัดในเกมหลังสุดของศึก พรีเมียร์ลีก รวมถึงนัดที่บุกไปแพ้ยับให้กับทีมเพื่อนร่วมเมืองกวนใจอย่าง ทัพเรือใบสีฟ้า ด้วย ซึ่งหลายฝ่ายกำลังจับตามองว่าเขา จะมีท่าทีอย่างไรกับทางต้นสังกัด ซึ่งสัญญาเด็กอะคาเดมี่ของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเขาก็กำลังจะสิ้นสุดลงในปี 2023 นี้อีกด้วย ขณะที่ แรชฟอร์ด ก็ต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของเขากับทางต้นสังกัดเช่นกัน
โดย ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวสายวงในชื่อดังของ สกายสปอร์ต อิตาลี ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นนี้ ผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาว่า ปัญหาเกิดจากการได้ลงสนามของ แรชฟอร์ด ไม่มีความแน่นอน และเจ้าตัวต้องการความชัดเจนจากทางต้นสังกัดมากกว่านี้ และถ้าไม่มีความคืบหน้าใดๆ เขาก็พร้อมที่จะย้ายทีม โดยเขาเขียนข้อความลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า
“ มาร์คัส แรชฟอร์ด กำลังพิจารณาอนาคตของเขา เขามีความกังวลเกี่ยวกับการที่ไม่ได้ลงเล่นเกม แหล่งข่าวซึ่งใกล้ชิดกับทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้บอกกับผมว่า เขามีความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ แต่เขาก็ต้องการความชัดเจน
สัญญาปัจจุบันกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะหมดลงในเดือน มิถุนายน ปี 2023 ”
โดยทาง แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ สื่อท้องถิ่นชื่อดังของเมือง แมนเชสเตอร์ ได้ออกมาวิเคราะห์ว่า หาก แรชฟอร์ด ไม่ย้ายทีมและเลือกที่จะต่อสัญญากับทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไป และถ้าหากเขาอยากมีอนาคตที่สดใสกับทางต้นสังกัดเดิม เขาจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ 3 ข้อ ดังต่อไปนี้
1. ต้องกล้าตัดสินใจให้เด็ดขาดกว่านี้
หลังจากที่ แรชฟอร์ด หายจากอาการบาดเจ็บและกลับมาลงสนามอีกครั้ง ฟอร์มการเล่นของเขาก็ตกต่ำลงไปจากเดิม ซึ่งหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า เกิดจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดในสนาม ทำให้เขาทำผลงานออกมาได้ไม่ดีนัก ในหลายครั้งที่เขาได้บอลมา แล้วตัดสินใจไม่เด็ดขาดว่าจะเลี้ยงบอลต่อ หรือ ส่งต่อให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นดี ซึ่งทำให้จังหวะการเล่นของทุกคนในทีมผิดพลาดไปด้วย อีกทั้งการตัดสินใจที่ผิดพลาด ในช่วงเวลาที่มีโอกาสได้ยิงประตูของเขาก็เช่นกัน ดังนั้น แรชฟอร์ด ควรปรับปรุงมุมมองในการเล่นใหม่ และมีความมั่นใจในตัวเองให้มากขึ้นด้วย
2. ทุ่มเททำงานให้หนักมากขึ้นกว่าเดิม
ในช่วงหลังมานี้จะสังเกตได้ว่า ราล์ฟ รังนิก มักจะเรียกใช้งาน แอนโธนี่ อีแลงก้า มากกว่าเขา เพราะ อีแลงก้า ตอบโจทย์ของ รังนิก ในเรื่องความทุ่มเทและความขยัน อีกทั้งยังสามารถเล่นกดดันทีมคู่แข่งได้เป็นอย่างดี ซึ่ง แรชฟอร์ด ขาดในจุดนี้ เขาไม่ค่อยแสดงให้กุนซือทีม เห็นถึงความขยันในการวิ่งไล่บอล และทุ่มเทกับเกมรับเท่าที่ควร ซึ่งถ้าหากเขาเลือกที่จะไปต่อกับสังกัดเดิม เขาก็ควรที่จะต้องแสดงถึงความขยัน กระตือรือร้นในเกม และท่มเททำงานให้หนักกว่าเดิมด้วย
3. รอผู้จัดการทีมคนใหม่มาสอนงาน
หากเป็นไปตามสัญญาเดิมหลังจากจบฤดูกาลนี้ ราล์ฟ รังนิก จะหมดสัญญาการเป็นกุนซือชั่วคราวลง และสโมสรจะต้องหากุนซือคนใหม่มาบริหารทีมแทนเขา ซึ่งอาจจะเป็นไปตามข่าวลือที่ว่า ถ้าไม่ใช่ เมาริซิโอ้ โปเช็ตติโน่ ก็คงเป็น เอริก เทน ฮาก จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนต่อไปของ ทัพปีศาจแดง ซึ่งทาง แรชฟอร์ด เองก็มีความจำเป็นที่จะต้องได้กุนซือที่มีความเก่งกาจ และมีประสบการณ์ เขามาสอนให้เขามีทักษะในการเล่นในสนามที่ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการปฏิบัติตัวที่ดีนอกสนาม เนื่องจาก แรชฟอร์ด มีพรสวรรค์และความสามารถ เพียงรอให้มีคนมาเหลาให้แหลม เพื่อที่จะทำให้เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ ตามที่หลายคนตั้งความหวังไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนจะรอกุนซือคนใหม่เข้ามา เขาก็ควรจะพยายามพัฒนาตัวเอง ให้มีฟอร์มการเล่นที่ดีมากกว่าเดิมในฤดูกาลที่เหลือนี้เองด้วย
ซึ่งก็ยังคงต้องจับตามองกันต่อไปว่าอนาคตของ กองหน้าสายเลือดชาวเมืองแมนเชสเตอร์แท้ๆอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด จะไปทิศทางไหนต่อไป แต่ทางต้นสังกัดก็ได้ยื่นข้อเสนอ การขยายสัญญาออกไปอีกปี จนถึงปี 2024 ให้กับเขาแล้ว และเขาอาจจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเลือกเดินไปในทางไหน หลังจากที่ ราล์ฟ รังนิก กุนซือชั่วคราวของทีม ออกไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาของสโมสร และรับกุนซือคนใหม่เขามาแทนที่เขาต่อไป
